ขนมแมวเลีย หนึ่งในสิ่งที่เหล่าทาสแมวต้องมีติดบ้านเอาไว้เสมอก็คือ นั่นเอง เพราะเป็นอาหารแมวที่ช่วยทำให้น้องแมวอารมณ์ดี จะใช้ง้อแมวก็ดี หรือจะใช้ฝึกแมวก็ได้ผล แต่ทาสแมวรู้หรือไม่ว่าการให้ขนมแมวเลียในปริมาณที่มากเกินไปนั้น อาจจะทำให้เจ้านายขนฟูป่วยและจากเราไปไวกว่าที่คิด หากทาสไม่อยากให้น้องแมวป่วยหรือมีสุขภาพไม่แข็งแรง ก็ลองมาศึกษากันเลยดีกว่าว่าควรให้ขนมแมวเลียกับน้องแมวในโอกาสไหนบ้าง และควรให้ในปริมาณเท่าไหร่ ถึงจะไม่ทำร้ายสุขภาพเจ้านายของเรา
สำหรับทาสแมวคงไม่มีใครไม่รู้จักขนมแมวเลียหรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอาหารว่างแมวแน่นอน จนกลายเป็นไอเท็มที่ต้องมีติดบ้าน เพื่อเอาไว้มอบเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างนายกับบ่าว อย่างไรก็ตามคนเลี้ยงแมวจำนวนไม่น้อยที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริงเกี่ยวกับขนมแมวเลีย วันนี้เราจะมาไขความลับกันหน่อยว่า ขนมแมวเลียคืออะไร มีประโยชน์หรือเปล่า
ขนมแมวเลีย ในการฝึกน้องแมว ทำให้ได้ผลที่ดี!
ขนมแมวเลีย ขนมแมวชนิดต่าง ๆ นั้นจะมีรสชาติและกลิ่นที่มากกว่าอาหารแมวทั่ว ๆ ไป ทำให้เป็นอาหารที่เหมาะกับการให้เป็นของรางวัลเมื่อน้องแมวทำบางสิ่งบางอย่างสำเร็จ เช่น เมื่อน้องแมวอาบน้ำเสร็จแล้ว ทาสแมวก็อาจจะให้ขนมแมวเลียกับน้องแมว เพื่อเป็นรางวัลตอบแทน ซึ่งจะช่วยฝึกให้แมวเข้าใจว่าเมื่อเขาอาบน้ำแล้ว เขาจะได้กินของอร่อย ๆ แบบนี้เสมอ หรือสำหรับแมวบางสายพันธุ์ ผู้เลี้ยงแมวก็มีการใช้ขนมแมวในการฝึกให้ทำตามคำสั่ง เช่น สั่งให้นั่งหรือขอมือเป็นต้น ซึ่งการฝึกแมวให้ทำสิ่งต่าง ๆ โดยใช้ขนมแมวมาเป็นของรางวัลนั้น จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับน้องแมว ช่วยให้ฝึกน้อง ๆ ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
ข้อเสียของขนมแมวเลีย หากน้องแมวได้รับมากจนเกินไป
สำหรับทาสหลาย ๆ คนอาจจะไม่ค่อยได้นึกถึงจุดที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับการให้ขนมแมวเลียกับเหล่าเจ้านาย เพราะเห็นเจ้านายมีความสุขตอนกินขนมแมวเลียอย่างเอร็ดอร่อยทีไร ก็ยิ้มแก้มปริ ทุกที แต่ถ้าเหล่าทาสๆ ให้ขนมแมวกับน้อง ๆ จนมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคไตในแมวได้มากขึ้น และทำให้ต้องทำการรักษายาวนาน รวมถึงต้องควบคุมอาหารไปอีกตลอดชีวิตอีกด้วย
ดังนั้นหากทาสคนไหนไม่อยากให้น้องแมวต้องทรมานจากอาการป่วยของโรคไต จะต้องจำกัดปริมาณขนมแมว ไม่ว่าจะเป็นแบบชิ้นหรือแบบซอง ให้อยู่ในปริมาณที่พอดีอยู่เสมอ โดยปริมาณที่แนะนำก็คือ ควรไม่เกินสัปดาห์ละ 1-2 ซอง สำหรับแมวที่โตเต็มวัยแล้ว เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าขนมแมวเลียนั้นมีกลิ่นและรสชาติที่ชัดเจนมากกว่าอาหารแมวทั่ว ๆ ไป รวมถึงมีความเค็มและมีการปรุงรสที่มากขึ้นด้วย ซึ่งรสชาติเหล่านี้นี่แหละ ที่จะเข้าไปทำลายสุขภาพของเจ้านายของเราจนเกิดโรคไตได้ ถึงน้องแมวจะชอบ แต่ก็ต้องควบคุม
เมื่อได้รู้แบบนี้ เหล่าทาสทั้งหลายน่าจะเข้าใจแล้วว่าทำไมจึงไม่ควรให้น้องแมวกินขนมแมวบ่อยจนเกินไป สำหรับบ้านไหนที่ให้ขนมแมวกับเจ้าเหมียวบ่อยเกินควร Thongloe Pet Hospital ขอแนะนำว่าควรเริ่มลดปริมาณลงตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่จะสายจนเกินไป โดยทาสจะต้องใจแข็งเข้าไว้ ถึงเจ้านายจะออดอ้อนร้องขอกินขนมแมวอย่างไรก็ต้องห้ามใจอ่อน ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพที่ดีของน้องแมวเอง จะได้อยู่เล่นกับทาสอย่างเราๆ ไปนาน ๆ
วิธีเลือกซื้อขนมแมว
- อย่าซื้อขนมแมวที่ไม่มียี่ห้อ ฉันไม่ทราบส่วนผสมและไม่สามารถหาผู้ผลิตดั้งเดิมได้เนื่องจากเป็นอันตรายต่อแมว
- อย่าซื้อขนมแมวที่มีส่วนผสมที่แมวของคุณแพ้ เช่น แมวบางตัวก็แพ้เนื้อไก่ หากคุณกินไก่ คุณอาจสูญเสียขน ท้องร่วง อาเจียน หรือมีอาการคัน
- หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น หากแมวของคุณมีปัญหาเกี่ยวกับไต คุณควรซื้อขนมแมวที่ไม่มีโซเดียม เกลือ ฟอสฟอรัส และสารกันบูด
- เลือกซื้อรสชาติที่ใช่ อุดมไปด้วยสารอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี เช่น ไฟเบอร์ ช่วยระบบย่อยอาหาร แคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน DHA มีส่วนช่วยในการโภชนาการของระบบประสาท และเบต้า
- แคโรทีน ช่วยบำรุงสายตา เป็นต้น
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบรรจุภัณฑ์อยู่ในสภาพดี ไม่ฉีกขาด และที่สำคัญไม่หมดอายุ
- โดยสรุป ขนมแมวเป็นขนมแมวประเภทหนึ่งที่ทำจากส่วนผสมที่เป็นประโยชน์ต่อแมว คล้ายกับอาหารหลักอย่างปลาและไก่ โดยเพิ่มรสชาติ กลิ่น และสารอาหารที่สำคัญอื่นๆ เพื่อให้แมวไม่เบื่ออาหารจึงใช้เป็นของ
- ว่างได้ หรือใช้ฝึกและเปลี่ยนพฤติกรรม หรือใช้เป็นรางวัลสำหรับแมวเมื่อประพฤติตัวดีและไม่ดื้อหรือซน
ขนมแมวเลีย อย่างไรก็ตามเจ้าของควรใส่ใจกับส่วนผสมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพในแมว เลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ชั้นนำที่มีมาตรฐานการผลิตที่สะอาดและปลอดภัย อย่าซื้อจากแหล่งที่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ แม้ว่าคุณจะไม่แน่ใจ คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์ในพื้นที่ก่อนตัดสินใจซื้อ และนั่นคือทุกสิ่งที่คนรักแมวต้องรู้เกี่ยวกับขนมแมว มันมีประโยชน์หรือไม่? ฉันหวังว่านี่จะเป็นความคิดที่ดีสำหรับการซื้อขนมแมวครั้งต่อไปของคุณ
บทความแนะนำ
