อะบิสซิเนียน

อะบิสซิเนียน อะบิสซิเนียเป็นแมวขนาดกลาง รูปร่างสง่า มีลำตัวเพรียวและขาเรียวยาวแข็งแรง หัวทรงกลม ปลายจมูกเรียวแหลม มีกระจุกขนโดดเด่นบริเวณปลายหู ดวงตากลมหางตาชี้  เนื่องจากแมวพันธุ์นี้ขนสั้นและเรียงชิดติดกัน จึงมีลวดลายเฉียบคมเป็นเอกลักษณ์ซึ่งเกิดจากแถบสีของเส้นขน สีที่พบได้บ่อยคือสีส้ม แต่ก็มีสีอื่นๆ

ด้วยแมวอะบิสซีเนียนมีนิสัยรักสงบ ฉลาดและขี้สงสัย ว่ากันว่าเป็นแมวที่ชอบคนและติดฝูง ชอบทำกิจกรรมอยู่ในที่กว้าง เป็นนักปีนป่ายชั้นเลิศ และชอบสวนที่มีต้นไม้ให้ปีนเล่น แต่ถึงแมวพันธ์ุนี้จะขี้เล่น แต่บางทีก็อารมณ์เสียง่าย เพราะฉะนั้นอย่าได้เผลอ

ประวัติความเป็นมา อะบิสซิเนียน

อะบิสซิเนียน แมวพันธุ์อะบิสซิเนียนมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงแมวป่าแอฟริกันซึ่งเป็นบรรพบุรุษของแมวบ้าน แต่ประวัติความเป็นมาของแมวพันธุ์นี้ในสหราชอาณาจักรยังคงคลุมเครือ เชื่อกันว่าทหารที่เดินทางกลับจากอะบิสซีเนีย (ปัจจุบันคือประเทศเอธิโอเปีย) ได้นำแมวพันธุ์อะบิสซิเนียนกลับมาด้วยในช่วงทศวรรษที่ 1860 ในช่วงแรกมีการผสมแมวอะบิสซิเนียนกับแมวพันธุ์บริติช ช๊อตแฮร์ (British Shorthairs) ก่อนนำไปผสมพันธุ์กับแมวเอเชียในภายหลัง จนเกิดเป็นลูกแมวอะบิสซิเนียนพันธุ์ขนยาว ซึ่งต่อมาในปี 1970 ก็มีการบันทึกสายพันธ์ุแยกนี้เป็น แมวพันธุ์โซมาลี (Somali)

ปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถบอกที่มาหรือที่มาของแมวสายพันธุ์นี้ได้ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ไหนและเมื่อไหร่? ยังคงกล่าวกันว่าชาวอะบิสซิเนียนเป็นลูกหลานของแมว พวกมันได้รับการอบรมมาจากแมวศักดิ์สิทธิ์หรือแมวที่ชาวอียิปต์โบราณนับถือ แมวตัวนี้ถูกเรียกว่า “ไมเยอร์” โดยชาวอียิปต์ คาดว่ามีมานานกว่า 4,000 ปีแล้ว ลักษณะของแมวสายพันธุ์นี้สามารถรับรู้ได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าลักษณะเฉพาะของพวกมันสอดคล้องกับสมมติฐานข้างต้นนั่นคือพวกมันแสดงหลักฐานที่มีลักษณะคล้ายกันหรือเหมือนกัน ในบรรดาการค้นพบทางโบราณคดีที่ค้นพบ ได้แก่ ภาพวาดสีบนผนังถ้ำโบราณ และรูปปั้นหรืองานแกะสลักต่างๆ ของชาวอียิปต์ จึงเป็นหลักฐานสำคัญอีกประการหนึ่งของความสัมพันธ์ระหว่างชาวอะบิสซิเนียนกับแมวอียิปต์โบราณ

 ต้นกำเนิดหรือต้นกำเนิดของแมวสายพันธุ์นี้ เชื่อกันว่ามาจากแมวสายพันธุ์หนึ่ง “อะบิสซิเนียน” ถูกเรียกว่า “ซูลา” และนำเข้ามาจากอะบิสซิเนีย (ปัจจุบันคือเอธิโอเปีย) โดยทหารที่ต่อสู้ในสงคราม “อบิสซิเนีย” บนเกาะซูลู เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2411 ตามเอกสารของดร. หนังสือที่บันทึกไว้ของ Gordon Staples ต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ “อะบิสซิเนียน” นี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ บางคนเชื่อว่าแมวอะบิสซิเนียนเป็นแมวพันธุ์พื้นเมืองของอังกฤษอยู่แล้ว หรือบางคนเชื่อว่าชาวอะบิสซิเนียนในปัจจุบันสืบเชื้อสายมาจากสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพื้นที่ชายฝั่งทะเลของมหาสมุทรอินเดีย เป็นต้น

เชื่อกันว่าสายพันธุ์แมวนำเข้ามาในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 “ชาวอะบิสซิเนียน” นี้มาจากอังกฤษ เข้าสู่ทวีปอเมริกาเหนือ และต่อมาในปี พ.ศ. 2473 ถึง พ.ศ. 2482 ก็มีการแพร่กระจายของแมวสายพันธุ์นี้ จนกระทั่งแมวอะบิสซิเนียนกลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์แมวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน Abyssinian เป็นแมวสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับห้าของโลก (10 สายพันธุ์แมวยอดนิยม: Abyssinian อยู่ในอันดับที่ 5 ในกลุ่มพันธุ์ขนสั้น) (สถิติจาก CFA: Cat Fancier’s Association 2001) )

ลักษณะทั่วไปภายนอก

อะบิสซิเนียน อะบิสซิเนียนเป็นแมวที่มีสีสันสดใสสวยงาม มีขนที่มีลักษณะเป็นสีสลับกันสองสีภายในเส้นเดียวกัน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นลักษณะเด่นของแมวสายพันธุ์นี้ มีขนาดรูปร่างขนาดปานกลางไม่ใหญ่มาก และมีลักษณะประจำสายพันธุ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การมีท่าทางที่สง่างาม มีขนาดสัดส่วนของร่างกายที่เหมาะสม ทำให้รูปร่างของลำตัวเกิดความสมดุล

  • ศีรษะ – มีลักษณะเป็นรูปลิ่มเป็นสันสูง ไม่มีลักษณะที่เป็นแผ่นเรียบ และสันรูปลิ่มนี้จะต่อยาวลงมาถึงบริเวณต้นคอ ขนทางด้านหน้าบริเวณศีรษะมีลักษณะเป็นรูปตัว M
  • ใบหู – มีลักษณะที่ว่องไวปราดเปรียว คอยระแวดระวังภัย เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา มีลักษณะของหูที่ใหญ่ อีกทั้งยังมีส่วนของใบหูที่กว้างขยายออก และมีรูปร่างของหูเป็นรูปถ้วย ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ในการรับฟังเสียงจากภายนอกได้อย่างชัดเจน
  • ดวงตา – มีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับเมล็ดอัลมอนด์ มีขนาดของดวงตาที่ใหญ่ ที่บริเวณขอบตามีสีของเส้นขนที่เข้ม ล้อมอยู่โดยรอบบริเวณดวงตาที่มีลักษณะสีขนที่อ่อนกว่า จึงเป็นการเน้นบริเวณดวงตาให้เห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สำหรับสีของดวงตานั้นที่พบได้โดยมาก จะเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว
  • ลำตัว – มีความยาวปานกลาง สามารถโค้งงอได้อย่างเป็นสัดส่วน ดูสวยงามเป็นสง่า มีการเจริญของกล้ามเนื้อดี สามารถเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก และที่สำคัญที่สุด คือ มีความสมดุลของร่างกาย มีกระดูกที่แข็งแรงและสามารถยืนด้วยปลายเท้าได้อย่างมั่นคง
  • หาง – ค่อนข้างที่จะยางเรียว และค่อย ๆ เรียวเล็กลงไปเรื่อย ๆ จากบริเวณโคนหางถึงปลายหาง
  • ขน – มีลักษณะที่นุ่ม เรียบลื่นและเป็นมันเงา
  • ขาและเท้า – มีลักษณะของขาภายนอกที่ยาวเรียวได้สัดส่วน มีส่วนของกระดูกขาเจริญและแข็งแรงดี อุ้งเท้ามีขนาดเล็ก กลมรีเป็นรูปไข่ และอัดตัวกันแน่น
  • นิ้วเท้า – ที่บริเวณขาหน้ามี 5 นิ้ว และบริเวณขาหลังมี 4 นิ้ว

 

บทความแนะนำ